วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

ปฏิทิน


               ปฏิทิน คือ ระบบที่ใช้ในการเรียกชื่อช่วงระยะเวลา เป็น วัน เดือน ปี โดยชนชาติแรกที่คิดค้น ระบบการดูวัน เดือน ปี แบบปฏิทิน คือชาวบาบิโลเนียน โดยการสังเกตจากระยะต่างๆของดวงจันทร์ และกำหนดให้ 1 ปี นั้นมี 12 เดือน เพราะเมื่อเกิดข้างขึ้นและข้างแรมครบ 12 รอบ ฤดูกาลจะเวียนกลับมา
ระบบปฏิทินของไทยเกิดขึ้นครั้งแรก เมื่อ วันที่ 14 มกราคม 2385 ซึ่งมีหลักฐานจาก ไมโครฟิล์ม หนังสือบางกอกคาเลนดาร์ ปี ค.ศ. 1870 หน้า 5 โดย หมอบรัดเลย์ ได้เขียนไว้ว่า “ 14 First Calendar print in B. 1842 ” 
             
              ในปัจจุบัน ปฏิทินมีความสำคัญและนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายไม่ว่าจะเป็นการดูวัน เดือน ปี การใช้ในการบันทึกเพื่อช่วยในการจดจำความสำคัญของ วัน เดือน ปี ต่าง นอกจากนี้ปฏิทินยังบอกเกี่ยววันสำคัญต่างๆ เช่น วันสำคัญทางศาสนา , วันหยุดนักขัตฤกษ์ เป็นต้น 

               ด้วยความสำคัญของปฏิทินที่ได้กล่าวมาแล้ว ในการผลิตแต่ะครั้งไม่แต่ให้ความสำคัญกับความถูกต้องของรายละเอียดต่างๆเพียงอย่างเดียวแต่มีรายละเอียดสำคัญหลายอย่างเพื่อให้การผลิตปฏิทินออกมาดีและได้มาตราฐานจำเป็นต้องให้ความสำคัญตั้งแต่ ขั้นตอนการออกแบบ การวางรูปแบบ การเลือกภาพประกอบ การให้สีสัน การใช้กระดาษ การใช้หมึกพิมพ์ และการพิมพ์



                ซึ่งปฏิทินมักเป็นของชำร่วยหรือของที่ระลึกแจกให้กับลูกค้าในช่วงสิ้นปีเพื่อเป็นการโปรโมท ประชาสัมพันธ์ องค์กรต่างๆ บางครั้งอาจมีการสอดแทรกโฆษณาโดยการใส่รายละเอียดองค์กรหรือรายละเอียดกิจกรรมต่างๆขององค์กร ซึ่งถือเป็นการทำการตลาดที่ดีเลยที่เดียวเพราะปฏิทินนั้นสามารถประชาสัมพันธ์กิจกรรมต่างๆขององค์กรได้ตลอดทั้งปี 


วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

กระบวนการพิมพ์ (ตอนจบ)

              จากเมื่อวานที่เราค้างกันไว้ในส่วนของรูปแบบการพิมพ์ วันนี้เราต่อกันว่า รูปแบบการพิมพ์ในปัจจุบันที่โรงพิมพ์ยังนิยมในงานกันอยู่นั้น มีอะไรที่เหลืออยู่บ้าง


3.    การพิมพ์โฟโตกราวัวร์ หรือ โรโตกราเวียร์ (Photogravure,Rotogravure) การพิมพ์กราวัวร์มีวิวัฒนาการมาจากการพิมพ์ อินทาโย คำว่า "Roto" มีความหมายว่า "หมุนรอบ" ซึ่งหมายถึงโครงสร้างของแม่พิมพ์ที่เป้นโลหะรูปทรงกระบอกหมุนรอบขณะทำการพิมพ์ ส่วนคำว่า "Photo" มีความหมายว่า การนำเอาเทคนิคการถ่ายภาพมาใช้ในกระบวนการทำแม่พิมพ์

       โดยการพิมพ์กราวัวร์เป็นการพิมพ์ร่องลึก ซึ่งส่วนที่เป็นภาพหรือส่วนที่ต้องการพิมพ์จะถูกเจาะเป็นหลุมเล็กจำนวนมาก เรียกว่า เซลล์ ซึ่งทำให้หน้าที่ในการเก็บหมกทีต้องการพิมพ์ ส่วน ส่วนที่ไม่ต้องการพิมพ์จะเป็นพื้นเรียบซึ่งในแต่ละเซลล์ ซึ่งในแต่ละเซลล์จะเก็บหมึกไว้ไม่เท่ากัน หากเซลล์ลึกและกว้างมากจะทำให้เกิดสีของการพิมพ์ที่ชัดเจนกว่าเซลล์ ที่มีหมึกน้อย



หลักการพิมพ์ Photogravure



        การพิมพ์ระบบกราวัวร์เป็นระบบการพิมพ์ที่สามารถพิมพ์ลายเส้นและภาพฮาล์ฟโทน ได้คุณภาพสูงและรวดเร็ว แล้วด้วยการพิมพ์ที่ได้คุณภาพการปลอมแปลงทำได้ยาก การพิมพ์วิธีนี้จึงมักนำมาใช้นำการผลิต ธนบัตร พันธบัตร และงานด้านฉลากผลิตภัณฑ์ที่ต้องทำงานในจำนวนมาก


4.    การพิมพ์แฟลกโซกราฟฟี (Flexography) การพิมพ์แบบแฟลกโซนั้นเดิมเรียกว่า การพิมพ์อะนิสัน ต่างจากระบบเลตเตอร์เพลส ที่แม่พิมพ์เป็นแผนยาง หมึกที่ใช้ในการพิมพ์ใส ไม่เหนียวข้น


                  หลักการพิมพ์ Flexography
      แม่พิมพ์ที่ใช้ในการในพิมพ์แฟลกโซ นั้นเป็นยางบริเวณที่เกิดภาพจะนูนสูงขึ้นจากพื้นผิวแม่พิมพ์ โดยการจะใช้แผ่นสังกะสีอ่อนแล้วนำมา Bakelite ไปทาบนแผ่นสังกะสีที่กัดกรดเป็นแม่พิมพ์ เมื่อถ่ายแบบมาแล้วนำแผ่นยางไปอัดบน Bakelite จึงได้เป็นแม่พิมพ์ยางออกมา แม่พิมพ์เป็นยางที่เรียกว่า Polymer Plate ซึ่งแม่พิมพ์จะติดอยู่กับลูกกลิ้งเหล็ก ยางเคาระห์ที่เป็นแม่พิมพ์นี้มีความเหมาะสมในการใช้เพราะทนรับหมึกได้ดี
     โดยระบบการพิมพ์จะมีลูกกลิ้งยางจุ่มอยู่ในอ่างหมึก ลูกกลิ้งจะพาหมึกมาติดที่ลูกกลิ้งเหล็กลูกกลิ้งเหล็กนี้จะถ่ายทอดหมึกไปให้ลูกกลิ้งอีกลูก ที่จะถ่ายทอดหมึดให้แม่พิมพ์แล้วค่อยถ่ายทอดลงกระดาษ โดยมีลูกกลิ้งอีกอันติดอยู่



หลักการพิมพ์ Flexography



      งานพิมพ์ชนิดนี้เหมาะกับการพิมพ์จำพวก บรรจุภัณฑ์ เช่น กล่องกระดาษ ซอง กล่องกระดาษลูกฟูก กล่องนม UHT เป็นต้น


5.    การพิมพ์ซิลค์สกรีน (Silk Screen Printing) การพิมพ์ซิลค์สกรีนเป็นการพิมพ์พื้นฉลุ หมายถึง ระบบการพิมพ์ที่ทำด้วยแผ่นสกรีนที่ทำด้วยเส้นใยละเอียด ซึ้งเส้นใยอาจทำด้วยสารไนลอนดาครอน เส้นใยหมัดกล้าขึงบนกรอบสี่เหลี่ยมผืนผ้า แผ่นสกรีนที่ทำด้วยเส้นใยจะถูกแาบด้วยสารไวแสง
     
      โดยหลักการพิมพ์จะเป็นการกดหมึกให้ผ่านทะลุผ่านเส้นใย เพื่อถ่ายทอดหมึกไปลงไปยังวัตถุรองรับ




หลักการพิมพ์ Silk Screen

     งานที่นิยมใช้การพิมพ์ระบบซิลค์สกรีน เช่น ป้าย ธง เสื้อ เป็นต้น



วันอาทิตย์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557

กระบวนการพิมพ์

กระบวนการพิมพ์

                  กระบวนการพิมพ์เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นหลังจากการทำเพลท ซึ่งในกระบวนการนี้มีหนึ่งเรื่องสำคัญที่ควรคำนึงถึงอย่างยิ่ง คือ การควบคุมคุณภาพของชิ้นงาน โดยต้องพยายามทำให้ผลงานที่พิมพ์ ออกมามีคุณลักษณะตรงตามแม่พิมพ์ให้มากที่สุด

                  รูปแบบการพิมพ์ในปัจจุบันที่โรงพิมพ์ส่วนใหญ่นิยมใช้ มีดังนี้

1.    การพิมพ์ออฟเซ็ท (Offset Printing) เป็นการพิมพ์พื้นราบ โดยใช้หลักการน้ำไม่รวมตัวกับน้ำมันโดยบนแม่พิมพ์จะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่ต้องการให้เกิดภาพหรือส่วนที่ต้องการพิมพ์ จะเป็นส่วนที่รับหมึก และส่วนที่ 2 คือส่วนที่ไม่มีภาพหรือไม่ต้องการพิมพ์จะเป็นส่วนที่รับน้ำ ซึ่งการทำการพิมพ์จะต้องมีการควบคุมปริมาณน้ำให้เหมาะสมเพราะหากปริมาณน้ำน้อยเกินไปก็จะทำให้หมึกไหลลงสู่บริเวณที่ไม่ต้องการพิมพ์ทำให้ภาพหรือตัวอักษรมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น หรือหากปริมาณน้ำมากเกินไปจนล้นขึ้นไปส่วนที่ต้องการพิมพ์ก็จะทำให้ขอบของภาพหรือตัวอักษรไม่เต็มหรือบริเวณขอบอาจจะขาดได้

                  หลักการพิมพ์ Offset
การพิมพ์ระบบออฟเซ็ทนั้นเป็นการพิมพ์แบบหลักการ 3 โม คือ
               
                  1. โมแม่พิมพ์
                  2. โมผ้ายาง
                  3. โมแรงกด


หลักการพิมพ์ Offset


โดยการพิมพ์จะใช้แม่พิมพ์ที่เป็นโลหะระบบพื้นราบ นำมาติดกับโมแม่พิมพ์โดยจะเริ่มการพิมพ์จะหมุนโมแม่พิมพ์ไปรับน้ำและรับหมึกแล้วหมึกที่เกาะติดอยู่บนแผ่นพิมพ์จะถูกถ่ายทอดลงโมผ้ายางเมื่อโมผ้ายางได้รับหมึกแล้ว ก็จะถ่ายทอดลงบนกระดาษซึ่งมีลูกโมแรงกดทำหน้าที่กดกระดาษให้รับหมึกจากโมผ้ายาง เรียกว่า ระบบการพิมพ์ทางอ้อม ซึงนิยมใช้ในงานการพิมพ์ที่ต้องการคุรภาพงานสูง เป็นการพิมพ์ออฟเซ็ท 4 สี 2 สี และ 1สี เช่น หนังสือ วรสาร โปสเตอร์ นิตยสาร แผ่นพับ โปรชัวร์ เป็นต้น


2.    การพิมพ์แบบเลตเตอร์เพลสส์ (Letterpress) เป็นการพิมพ์เนื้อนูนที่เก่าแก่ที่สุดถูกคิดค้นขึ้นเมื่อราว 500 ปีก่อน โดย โยฮานน์ กูเตนเบิร์ก ใช้หลักการพิพม์โดยตรง โดยให้กระดาษรับหมึกพิมพ์จากแม่พิมพ์โดยตรง ใช้แรงกดกระดาษเข้ากับแม่พิมพ์

                  หลักการพิมพ์ Letterpress

การพิมพ์ Letterpress จะมีแม่พิมพ์ที่ระดับสูงของผิวแม่พิมพ์ต่างระดับกัน ส่วนที่เป็นส่วนที่ต้องการพิมพ์จะมีระดับสูงกว่าส่วนที่ไม่ต้องการพิมพ์ ส่วนที่ต้องการพิมพ์นั้นจะเรียกว่า บริเวณภาพ โดยหลักการพิมพ์จะมีกระบวนการ คือ เมื่อแม่พิมพ์รับหมึกพิมพ์แล้ว ซึ่งหมึกพิมพ์จะเกาะอยู่บริเวณภาพ จากนั้นจะทำการป้อนวัตถุรับพิมพ์ซึ่งก็คือ กระดาษ โดยใช้แรงกดถ่ายทอดหมึกพิมพ์จากแม่พิมพ์ลงบนกระดาษจะทำให้เกิดภาพตามแม่พิมพ์ แต่ปัญหาหลักอย่างหนึ่งของการพิมพ์แบบ Letterpress นั่นอยู่ที่แรงกดแม่พิมพ์ลงกระดาษซึ่งหากใช้แรงที่ไม่สม่ำเสมอจะทำให้เกิดภาพไม่สม่ำเสมอ ส่วนที่ได้รับแรงมากจะมีภาพที่ชัดเจนจนบ้างครั้งอาจได้รับหมึกมากเกินไป และ ส่วนที่ได้รับแรงกดน้อยอาจทำให้ภาพไม่ชัดเจน
ซึ่งการพิมพ์แบบนี้นิยมใช้ในงานที่ไม่ต้องการคุณภาพพิมพ์ที่สูงมากนัก เช่น การ์ด นามบัตร เป็นต้น


แม่พิมพ์ Letterpress

พรุ่งนี้มาต่อกันว่าจะมีรูปแบบการพิมพ์แบบใดอีกบ้างที่โรงพิมพ์ยังนิยมใช้กันอยู่ในปัจจุบัน

วันศุกร์ที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2557

กระบวนการก่อนพิมพ์

                  กระบวนการก่อนพิมพ์เป็นกระบวนการ การเตรียมงานก่อนพิมพ์โดยเริ่มตั้งแต่การจัดการ File งาน การทำแพลทแม่พิมพ์ รวมไปถึงการตรวจสอบหรือการ Proof งาน

                  โดยวันนี้เราจะมาพูดถึงเทคโนโลยีอย่างหนึ่งที่เข้ามามีบบทบาทสำคัญในกระบวนการก่อนพิมพ์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้กระบวนการทำงานก่อนพิมพ์รวดเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งเทคโนโลยีที่กล่าวมาข้างต้นนี้ ก็คือ CTP หรือ Computer To Plate

                 

CTP (Computer To Plate)


                  ก่อนที่เราจะมาพูดถึงเทคโนโลยี CTP เรามาทำความรู้จักแพลทกันก่อน เพราะหากท่านที่ไม่ได้อยู่ในสายงานการผลิตสิ่งพิมพ์คงจะงงๆ กันว่าแพลทคืออะไร


                  แพลท (Plate) คือ แผ่นโลหะบางๆที่ใช้นำมาทำแม่พิมพ์ที่ใช้ในกระบวนการพิมพ์แบบออฟเซ็ท โดยมีหน้าที่รับหมึก และถ่ายทอดไปยังแผ่นผ้ายางและส่งต่อไปยังกระดาษในขั้นตอนสุดท้าย

                  ขนาดของแพลทจะขึ้นอยู่กับเครื่องพิมพ์แต่โดยหลักๆแล้วขนาดของแพลททก็จะมีขนาด เช่น เครื่องตัด 2 , เครื่องตัด 4, เครื่องตัด 3, เครื่องตัด 5 เป็นต้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จะขึ้นอยู่กับแต่ละโรงพิมพ์จะใช้เครื่องพิมพ์ขนาดเท่าใด

                 

กระบวนการทำแพลท


                  หากย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว วิธีการทำแพลทจะมีความซับซ้อนมากกว่าในปัจจุบัน โดยวิธีทำแพลทจะเริ่มต้นจากนำ File งานมาพริ้นท์ลงฟิล์มใส โดยจำนวนที่พริ้นท์ก็จะขึ้นกับแต่ละงาน คือ หากเป็นงานพิมพ์ 1 สี ก็จะพริ้นท์งานลงฟิล์มใส 1 แผ่น แต่หากเป็นงานพิมพ์ 4 สีก็จะพิมพ์ลงแผ่นฟิล์มใส 4 แผ่น เช่นกัน จากนั้นจึงนำแผ่นฟิล์มใสที่พริ้นท์มาผ่านเครื่องอัดแพลทโดยวิธีการฉายแสงโดยใช้เครื่อง Image Setter ในการช่วยแยกสี

                  แต่ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่เรียกว่า CTP หรือ Computer To Plate ซึ่งเป็นกระบวนการที่ใช้ในการผลิตแพลท จากที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้วว่าในอดีต การทำแพลทจะต้องพริ้นท์ File ลงฟิล์มก่อนแล้วนำมาผ่านเครื่องอัดแพลท แต่ปัจจุบันเราสามารถข้ามขั้นตอนการพริ้นท์ลงฟิล์มไปได้โดยการสั่งงานจากคอมพิวเตอร์พิมพ์ลงแพลทได้โดยตรงไม่จำเป็นต้องผ่านฟิล์มแล้ว ทำให้กระบวนการในการพิมพ์ออฟเซ็ทในปัจจุบันมีกระบวนการสั้นลงและรวดเร็วขึ้น โดยเริ่มจากการทำ File งาน (Art Work) จากนั้นก็สามารถสั่งพิมพ์ลงแพลทได้เลย



CTP (Computer To Plate) ยี่ห้อ Amsky 




วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

กระบวนการผลิตสิ่งพิมพ์

         กระบวนการผลิตสิ่งพิมพ์ คือ กรรมวิธีและขั้นตอนต่างๆในผลิตสื่อพิมพ์แต่ละชิ้น เช่น แผ่นพับ ใบปลิว นามบัตร ปฏิทิน หนังสือ วารสาต่างๆ บรรณจุภัณฑ์ ให้อยู่ในรูปแบบและปริมาณที่ลูกค้าต้องการ

         หากเปรียบเทียบกระบวนการผลิตสิ่งพิมพ์กับการทำงานของคอมพิวเตอร์นั้นมีกระบวนการทำงานที่เหมือนกันซึ่งจะแบ่งเป็น 3 กระบวนการ คือ



ตารางเปรัยบเทียบการทำงาน ระหว่างคอมพิวเตอร์กับกระบวนการผลิตสิ่งพิมพ์



         ซึ่งในแต่ละกระบวนการนั้นก็จะมีรายละเอียดการทำงานที่แตกต่างกันออกไป





วันพุธที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2557

RGB หรือ CMYK ที่เหมาะกับงานสิ่งพิมพ์

            ถ้าถามว่า RGB หรือ CMYK ที่เหมาะกับงานพิมพ์มากกว่ากัน หลายคนคงตอบว่าต้องเป็น CMYK อยู่เล้ว แต่หากถามหาเหตุผลของการเลือกใช้ระบบสี CYMK ก็คงมีหลายคนไม่สามารถตอบถึงเหตุผลได้ ดังนั้นวันนี้ทางโรงพิมพ์ ต้นฉบับมีคำตอบของคำถามนี้มาให้ผู้อ่านทุกคน


ระบบสี RGB

            ระบบสี RGB เกิดจากการผสมของแสงสีหลักสามสี ได้แก่ สีแดง (Red)  , สีเขียว (Green)
,สีน้ำเงิน (Blue) ซึ่งเมื่อทั้งสามแสงสีมาผสมรวมกันจะได้แสงสีขาวซึ่งเรียกว่า สีเชิงบวก (Additive Primary Colors) ด้วยหลักการนี้ระบบสี RGB มักนำมาใช้ในงานด้านการฉายภาพบนจอโทรทัศน์หรือแม้แต่จอคอมพิวเตอร์

ระบบสี CMYK

            ระบบสี CMYK เป็นระบบสีที่เหมาะกับการพิมพ์ซึ่งเรียกว่าการพิมพ์ สี่สี คือ สีฟ้า (Cyan) , สีแดง (Magenta) , สีเหลือง (Yellow) และ สีดำ (Key ซึ่งใช้แทน B คือ Black เพื่อป้องกันการสับสนกับ Blue คือสีน้ำเงิน) โดยระบบ CMYK เป็นหลักการการดูดซึมแสงสีเมื่อแสงสีขาวตกกระทบวัตถุ คือ กระดาษและสะท้อนเข้าสู่ตาเราจะเห็นเป็นสีต่างๆ ซึ่งหากนำสามสี คือ สีฟ้า สีแดงและสีเหลืองมาผสมรวมกันจะได้สีดำแต่ไม่ใช่สำดีสนิทหากแต่จะเป็นสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งเกิดจากการไม่บริสุทธิ์ของทั้งสามสีที่เป็นสีเชิงลบ (Subtractive Primary Color) ดังนั้นจึงมีการเพิ่มสีดำเข้ามาเพื่อให้การพิมพ์สมบูรณ์แบบ


           ดังนั้นในการออกแบบสิ่งพิมพ์เราควรเลือกใช้ระบบสี CMYK เพราะหากเลือก RGB จะทำให้สิ่งที่พิมพ์ออกมาเกิดการผิดเพี้ยนของสีเนื่องจาก CMYK จะตัดค่าสีตาเราไม่สามารถมองเห็นได้ออกไป หรือสีที่ไม่สามารถแยกแยะความใกล้เคียงกันได้ ทำให้เหลือค่าสีน้อยลงมาก ดังนั้นหากต้องการเห็นความสมจริงของสิ่งที่ออกแบบเพื่องานพิมพ์ก็ควรเลือกระบบสี CMYK

ประวัติโรงพิมพ์ต้นฉบับ

   


           บริษัทต้นฉบับ จำกัด เริ่มก่อตั้งกิจการในปี พ.ศ. 2527 โดยดำเนินธุรกิจในด้านการถ่ายเอกสาร และพัฒนาเข้าสู่การผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ในปี พ.ศ. 2538 โดยมีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการพิมพ์มาตลอด จนกระทั่งปี พ.ศ. 2553 ทางบริษัทมีการปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีการผลิตสิ่งพิมพ์ ตั้งแต่กระบวนการเริ่มต้นจนถึงกระบวนการสุดท้ายของการพิมพ์ใหม่ทั้งหมด ทำให้บริษัทสามารถผลิตสื่อสิ่งพิมพ์สี่สีคุณภาพสูง   ในระดับจำนวนน้อยถึงปานกลางได้ โดยให้ความสำคัญกับการควบคุมต้นทุนให้อยู่ในระดับต่ำ , การผลิตที่รวดเร็วและคุณภาพที่ดีที่สุดของสิ่งพิมพ์ 
           ปัจจุบันด้วยความพร้อมทั้งด้านเทคโนโลยีและกระบวนการทำงานที่ทันสมัย ทำให้เราสามารถรับผลิตสิ่งพิมพ์ได้ทั้งระบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยจุดมุ่งหมายของบริษัทคือการผลิตตามความต้องการของลูกค้า ด้วยการบริการที่ดีที่สุดทั้งในด้านคุณภาพ , ราคาและความรวดเร็วในการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกด้านให้ดีที่สุด และพร้อมให้ทุกท่านได้เยี่ยมชมเทคโนโลยีเครื่องจักรในกระบวนผลิตของเรา